Pages

วันจันทร์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

เทคนิคการซื้อเบนซ์มือสอง

รถ Mercedes-benz ใหม่นั้น ราคากระชากใจ ถอยออกมาได้ไม่กี่เดือน
ขายต่อครั้งนึงหายไปกว่า40% เพื่อนหลายท่านเคยกล่าวกับผมว่า ซื้อรถใหม่เหมือนเอาเงิน ไปผูกไว้ที่ท้ายรถ เวลารถวิ่งไปเงินก็ปลิวไป ไม่ทีทางได้มันกลับมา ผมฟังแล้ว เห็นด้วย อย่างแรง จึงเริ่มสนใจรถมือสอง ที่สภาพสวย ไม่ใช่อะไรหรอกครับ จริงๆ ภาวะเศรษฐกิจ ของผม ก็ไม่อำนวย เอาที่ไหนมาจ่ายลง ผมเลยสนใจ มาจับรถมือสอง จับมาแล้วสวย เพื่อนเห็นเราใช้ได้ทุกวัน มาขอซื้อให้กำไร ผมก็ขายไป จากนั้นผมก็จับใหม่ จับๆ ขายๆ ชักจะเหนื่อย ไม่ขายแล้ว ตอนนี้ใช้คือใช้ เพราะจับมาแล้ว ใช่ว่าจะใช้ได้ทันทีที่ไหน ไหนจะ ซักพรม ซักเบาะ ซ่อมโน่น ซ่อมนี่ ของดีๆ ใครจะขายจริงไหมหละครับ ไหนๆ ก็ตั้งใจ ไม่ขายแล้ว วันนี้ ผมเลยมาเขียน Trick ในการเลือกของผม ที่พอจะอธิบายได้ ให้เพื่อนๆ ได้ฟังกันครับ ข้อความทั้งหมดนี้ เป็นเพียงความเข้าใจของผมเท่านั้นนะครับ อาจมีรายละเอียดที่ต่างจากท่านอื่นไปบ้าง ก็เอาเป็นว่า ความเข้าใจของแต่ละท่านแล้วกัน ผมนำเสนอความเห็นเท่านั้นครับ

เบื้องต้นเลย ผมมักจะดูทรงก่อน ว่าขัดตาหรือเปล่า คือ ระยะห่าง ของขอบต่างๆมันเท่ากันไหม อย่างภาพด้านล่าง ขอบประตู ได้แนว หรือเปล่า และ บางรุ่น มี "ศร" หรือ >< ตามรูปทางด้านขวา ผมจะดูก่อนว่ามีการทำสีไหม ถ้ามีการทำสีแล้ว><ที่ว่าจะไม่ชัดมาก ถ้ายิ่งโดนสีโป๊ว><จะหายไปเลยครับ

ถ้าถามว่า เจ้า >< หายไปเป็นไรไหม ผมไม่ Seriousมากครับ ถ้ากรณีอื่น มันผ่าน ซื้อรถ Used โดนบ้างเรื่องธรรมดา แต่อย่าให้ดดนจนหน้าเกลียจเท่านั้นพอครับ ดู >< แล้ว ก็ดูอย่างอื่นด้วย นอกจากร่องแล้ว ลองเปิดปิดประตู ฝากระโปรงหน้าหลัง บานไหน ปิดยาก เปิดยากเป็นพิเศษ ให้ระวังไว้ครับ ว่าอาจะจะเกิดเหตุมาแล้วไม่ได้ทรง นอกจาก >< แล้ว อีกจุดที่พอจะสังเกตได้คือเรื่องของกระจก ถ้ารถคันดังกล่าวเป็นรถนอก หลังปี90 กระจกจะมีเลขปีที่ผลิตกระจก บอกไว้ อย่างในรูปล่าง เลข 5 หมายถึงกระจกผลิตเมื่อปี 95 รถคันดังกล่าวต้องเป็นปี 95 หรือ 96 เท่านั้น ทั้งคัน กระจกจะไม่หนีปีกันมาก เช่นรถปี 95 อาจเจอกระจก .4 กับ .5 น่าจะไม่เจอ .3 หรือ .7 ซึ่งเมื่อกระจกได้รับการเปลี่ยนมา เมื่อ ไปเบิกกระจก จะได้กระจกในปีที่ผลิต อย่าง CE ผม ปี 89 กระจกหลังขึ้นรา ผมไปเบิก กระจก มาเปลี่ยนตอนปี00 ผมได้เลขกระจก .9 คือ ผลิตกระจกเสร็จเมื่อปี 99 กว่าจะส่งมาถึงบ้านเราก็สมควรแล้วที่เป็นปี00

เมื่อดูกระจกเป็นที่เรียบร้อยต่อมาก็เป็นเรื่องของรา ยละเอียดอื่น ที่ผมจะ ใส่ใจมากขึ้น คือ บานพับครับ (ภาพล่างซ้าย) บานพับจะมีปีที่ผลิตบานพับปั้มอยู่ ดังนั้น บานพับจะเกินปี ของรถที่จดทะเบียนไม่ได้ ถ้าเลขบานพับเกิน ก็แปลได้ง่ายๆ ว่าเปลี่ยน บานพับมาไงครับ บานพับไม่ได้เปลี่ยนง่ายๆนะครับ ดังนั้น ถ้าเลข บานพับ ไม่ตรงปี ต้องยิ่ง ดูส่วนอื่นมากขึ้นครับ
อีกเรื่องนึงที่ผมไม่ปล่อยคือ น๊อตยึดบานพับ บางรุ่นเป็นสีดำด้าน บางรุ่น สีเดียวกับตัวรถ วิธีดูเหรอครับ ต้องตรงตามแบบไงครับ รุ่นไหนเป็นสีเดียวกับตัวรถ ต้องเป็นสีเดียวกับตัวรถ หากไม่ใช่เดาได้เลยว่าเปลี่ยนน๊อตมาครับ เปลี่ยนน๊อตแล้วมีผลไหม คงไม่มีใคร อารมณ์ดี อยู่ๆ เอารถของตน ไปเปลี่ยนน๊อตบานพับ เล่นหรอกครับ

เข้าเรื่องตัวถังต่ออีกนิด เกี่ยวกับรายละเอียด ซึ่งต่อจากนี้ ไม่มีก็ไม่ผิด แต่ถ้ามี สำหรับผม เรียกว่าเจ๋งครับ อะไรเหรอครับ ฝาถังน้ำมันไงครับ เขาจะมี Sticker ปะมา (รูปขวา) หากมีอย่างงี้ ทำสีอย่างไรก็ไม่หนัก เพราะถ้าเบิกฝาถังใหม่ๆ Sticker มันไม่มีมานะครับ ต้องสั่งต่างหาก ซึ่งทั่วๆ ไปเขาก็ไม่สั่งกัน ถามว่า Seriousไหม ไม่หรอกครับ เพราะรถชนบางคัน ใช้อะไหล่เก่าจากนอก ก็อาจเจอฝาถังมือสอง มี Sticker ติดมา แต่เจ้าของรถคันดังกล่าว คงต้องเฮงจริงๆครับ ถึงได้ฝาถังที่สีตรงกับรถเขา หรือถ้าเอาฝาถังสีอื่นมา ก็ต้องกันเทปพ่น ถ้าแง้มๆ Sticker ออกดู ก็เห็นแล้วว่าเปลี่ยนฝาถังมา เพราะพื้นมันคนละสี

ต่อเรื่องตัวถัง สำหรับบางคัน เพื่อนๆอาจเห็นตุ่มเล็กๆที่ขึ้นตามตัวถัง (ภาพขวา) หากเห็นอย่างงี้ เข้าใจได้เลยนะครับ ว่า ผุ ย้ำ ผุครับ แถวบ้านผมเรียกว่า Rusty คือ ขึ้นสนิมแล้ว! บางท่านบอกว่า อุ๊ย นิดเดียวเอง แค่ยุงกัด ขอบอกเลยนะครับ กว่าจะขึ้นให้เห็นได้ขนาดนี้ มันกินที่มากกว่าที่เห็นพอสมควรแแหละครับ ถ้าผุซื้อได้ไหม ได้ครับ แต่เผื่อค่าตัดผุไว้ด้วยนะครับ สังเกตแถวพวกบังโคลน ฐาน Batt เบ้าโช๊ค พวกนี้แหละครับ จุดอ่อนของ Mercedes-Benz ครับ ถ้าเจ้าของเดิมรักษาไม่ดี เวลาล้างไม่ล้วงเอาเศษโคลนออกจากขอบบังโคลน ไม่นานหรอกครับ (อาจจะกินเวลานานกว่ารถยนต์หลายยี่ห้อ) ผุแน่นอน

จากนั้นดูเลขตัวถังครับ เลขตัวถังสามารถบอกอะไรเราได้มากมายเลยครับ เลขที่ว่าจะมี 2แบบ คือ รถนอก กับรถในประเทศ อย่าง Plate ที่เห็น (รูปทางซ้ายมือ) เป็นรถประกอบนอกครับ ก็จะมี Option Code และ เบอร์สีครับ เมื่อเราดูเบอร์สีก็จะทราบได้ว่า รถคันดังกล่าวได้รับการเปลี่ยนสีมาหรือไม่ครับ ส่วนเรื่องเลขตัวถัง บอกเราได้คร่าวๆดังนี้ครับ
สมมุตเลขตัวถังละกันนะครับ 124 043 2A 963788
124 คือ ตัวถัง W124 (ดูว่าตัวถังใดหน้าตามเป็นอย่างไรได้ที่นี่)
043 คือ แบบ 2ประตู เครื่อง 2300 (รายละเอียด รหัสตัวถัง และ เลขเครื่องเลขเกียร์ เลขเพืองท้าย ติดตามได้ใน Benzuser Pocket Book )
2 คือ พวงมาลัยขวา ประกอบในเยอรมัน ถ้า 1คือพวงมาลัยซ้ายประกอบในเยอรมัน และ 6คือพวงมาลัยขวา ประกอบนอกเยอรมัน 5 คือ พวงมาลัยซ้ายประกอบนอกเยอรมันA คือ โรงงานที่ผลิต แต่บางรุ่นบอก option หรือการตกแต่งได้ เพราะแต่ละโรงงาน ประกอบ optionไม่เท่ากัน เช่น W124 ถ้า A ไม่มีกาบ Bมีกาบ และ C คือ Eหน้า หรือที่เรียกกันว่า Face filt (รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ W124 code A B Cที่นี่)

สำหรับเลขที่เหลือ คือ 963788 นั้น เป็นลำดับในการผลิตครับ
สำหรับรถในประเทศนั้น ก็จะมีเพียง Plate สีดำ (บนขวา) บอกเลขชัสซีเท่านั้น และมีตราปั้มตรงคานให้เห็นว่า ผลิตคันที่เท่าไหร่ในสายการผลิตเทานั้นครับ
ต่อมา ดูทรงกันต่อ เรื่องของคานหน้าครับ ถ้าได้รับการพ่นสีมา Sticker ที่คาน(บนซ้าย) อาจจะมีรอยกันสีมาติดครับ หากมันไม่มีรอยก็นับว่ารถคันดังกล่าวไม่เคยชนหน้า หรือสาดสีคานกันมาเลยครับ เพื่อนๆหลายท่านคงอยากถามต่อแล้วนะครับว่าถ้ารถถูกเฉ ี่ยวเบาๆ หรือชนนิดๆ พ่นสีมาแล้วจะดูได้ไหมครับ คำตอบเหรอครับ ดูได้ครับ ถ้าอู่ทั่วๆไปเขาทำ (บางอู่ทำงานแบบงานศิลป์ อย่าว่าแต่ชนเบาเลยครับ ยับทั้งคันยังขับเข้าเต็นท์ขายได้) เอาเป็นว่า ถ้างานทั่วๆไป มันเป็นอย่างงี้ครับ ลองเปิดดูตามขอบประตูหลัง (รูปขาว) หากยังไม่เคยพ่นสีเลย จะไม่มีรอยต่อครับ รอยต่อที่ว่า คือรอยเหมือนเอาสีเป็นแผ่นสองแผ่นมาประกอบกัน มีรอยละอองสีนิดๆอีกต่างหาก รวมถึงประตู เราก็พับขอบยางดูครับ(ภาพซ้าย) ถ้าพ่นมาจากโรงงาน จะไม่มีรอยต่อและรอยละอองสีตรงสันประตูครับ

มาถึงเรื่องของภายในกันบ้างนะครับ เปิดมาภายใน สิ่งเดียวที่ผม Recomend อย่างจริงจัง คือ กลิ่น ครับ หากไม่ชอบเดินหนีเลยครับ แก้ไม่หายหรอกครับ ผมเจอกับตนเองครับ รถ C180 ที่ผมขายญาติไป เขาติครับว่ากลิ่นน้ำหอมที่ผมใช้นั้นทนไม่ไหว (สมัยผมเรียนเป็นหนุ่มเจ้าสำอางค์ครับ ฉีดน้ำหอมทุกวัน ใช้อยู่ยี่ห้อเดียว คือ Blue Jeans จนเขาเลิกนำเข้าไปแล้ว) เพื่อนผมหลายคน จำผมด้วยกลิ่น รวมถึงกลิ่นในรถ เป็น Blue Jeans ญาติผมประทับจิตมากครับ บอกว่ากลิ่นวิงเวียนดี ผมขายเขาไป ทั้งซักทั้งล้าง ผ่านไปกว่า2ปี ผมได้นำเอา Cกลับมาขับ ยังกลิ่นเดิมครับ

ต่อดีกว่าครับ หากกลิ่นเป็นที่รับได้ของเพื่อนๆแล้ว เรามาดูภายในกันดีกว่าครับ อย่างแรกสังเกตพวงมาลัยนะครับ มันต้องสัมพันธ์กับเลขไมล์ อย่างภาพบนซ้าย รถวิ่งหมื่นกว่าโล พวงมาลัยต้องใหม่เหมือนภาพทางซ้าย ไม่มันวาวนะครับ ส่วนของเล่น หากเขามีปะติดอะไรมา ก็ดูให้รับได้นะครับ เพราะไม่รู้ว่าเขาเจาะอะไรมากบ้าง บางชิ้นหากไปเอาออกอาจมีรูน๊อตนะครับ ซึ่งอาจเป็นเหตุต้องทำให้เราจับเปลี่ยนทั้งชิ้น อย่างภาพขาว พลุแจ้งเหตุ เวลาติดตั้ง ยึดด้วยน๊อต2ตัว หากไม่เอาแล้วไม่ให้มีรู ต้องเปลี่ยนแผงทั้งชิ้น

อย่า ลืมลองด้วยว่า สวิสต์ต่างๆใช้งานได้หรือเปล่านะครับ ดดยเฉพาะพวกแอร์กดปุ่มถ้ากดไม่ไปนี่หลายเงินครับ
บางรุ่น ใช้ไปนานๆ บังแดดชอบย้วยครับ จะเป้นมากกัรถที่บังแดดไม่มีไฟส่องหน้า หากเพื่อนท่านใดไปเจอบังแดดใหม่ๆ กริ๊บๆ แล้วยังมีรอยพ่นสีหลังคา + ฝากระโปรงหน้า และ ยังเปลี่ยนกรจะจกอีก อันนี้ระแวงได้แล้วนะครับ

เข้าเรื่องต่อนะครับ หลังจากได้ดูสภาพจนพอใจ ก็เป็นเรื่องของเครื่องแล้วหละครับ ลองขับซะนะครับ เรื่องแรกที่ควรใส่ใจนะครับ คือเรื่องการ start ครับ ติดง่ายไหม หากติดง่ายก็โอเคครับ ปรกติ หากติดยากแต่รถสวย ค่าซ่อมมันมีตั้งแต่พันกว่าถึงราวๆหมื่นอะครับ ลองต่อราคาลงมาครับ จากนั้นลองเข้าเกียร์แล้วเปลี่ยนไปๆมาๆ ระหว่าง R กับ D ดูซิว่ากระชากไหม หากเข้า D แล้วมีอาการรอนับ 1 2 3 แล้วกระชาก ให้เดาร้ายๆไว้ก่อนว่า เกียร์จะกลับบ้านแล้วครับ ให้ต่อราคาลงมาตั้งหลักที่ 3หมื่นเป็นอย่างต่ำครับ จากนั้นก็ลองขับซะนะครับ วนไปๆมาๆ ดูว่าเกียร์เปลี่ยนตามรอบหรือไม่ เร่งดีไหมตามรอบไหม หากไม่ตามรอบมีได้หลายอาการ แต่เดาหนักๆไว้ราคาเดียวกับเข้า Rแล้วรออะครับ
ลองขับเข้าที่ขรุขระดูช่วงล่างดังไหม ลองวิ่งสัก100 120ดู (ระวังความปลอดถัยด้วยนะครับ) ดูความแน่นลมไม่เข้ามาก เสียงเพืองท้ายหอนไหม จากนั้นหาที่รถติดๆวิ่งดูความร้อน เป้ฯไปได้ลองดูช่วงน้ำมันจะหมดด้วยเข็มน้ำมันแก่วงไห ม เมื่อสรุปได้ครบก็จอดแวะทานกาแฟเปิดเครื่องมาดูกันคร ับ

เวลาดูเครื่องสังเกตคราบน้ำมันฝุ่นต่างๆ หากมันใหม่ทุกซอกทุกมุม ระวังนะครับ เครื่องเพิ่งซ่อมมาแล้วดันมาขาย แปลกแฮะ.. ดูสภาพ มีคราบมีสกปรกแหละดีครับ ปลอดภัย น้ำมันเครื่องซึมๆนิดๆ เอ่อ ซ่อมได้ครับ เปลี่ยนประเก็นได้ แต่ถ้าซิงมากๆกริ๊ปๆเกินไปขัดตากับภายใน รักรถอย่างไร เครื่องใหม่ภายในโทรม แบบนี้ระวังครับ ก็ลองดูๆไปเรื่อยๆ ราวๆ 15นาทีกลับมา Start ดูครับ ถ้าติดยาก เดาได้หลายขุมครับ ต่อราคาลงมาตั้งหลักสักหมื่นละกันครับ
สุดท้ายก็ไม่มีอะไรแล้วครับ ผมดูส่วนมากก็แบบนี้ ที่แนะนำได้เรื่องสีเรื่องเสียปิดเปิดประตูนั้น ควรดูหลายๆคัน ใจเย็นๆครับ หารถมือสองเหมือนหาแฟนสักคนเลยครับ แฟนไม่ดีหาเรื่องใส่เราได้ทุกเมื่อนะครับ แต่ถ้าแฟนสวย ต้องสู้ครับ รถ Used หาสวยเจอไม่ควรปล่อยให้เธอผ่านไปครับ... ที่ฝากอีกอย่างคือ อย่าใจเร็วครับ เงินเราใช้พรุ่งนี้ไม่สายครับ


*********ก๊อบเข้ามาอีกทีครับ*************
สุดท้ายผมไปซื้อที่อมรรัชดาครับ บริการหลังการขายดีมากๆๆๆๆ แพงหน่อยแต่ว่าOk สบายใจ ขอให้ได้รถดีดีครับ

ไม่มีความคิดเห็น: